แพทย์สหรัฐอเมริกา ออกมาให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า เรื่องการสวมหน้ากากอนามัยในคนที่สุขภาพร่างกายแข็งแรงดี อาจทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 มากกว่าการไม่ใส่ แต่ในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 ระบาด ประเทศไทยรณรงค์ เรื่องการสวมหน้ากากป้องกัน จนทำให้หน้ากากอนามัยขาดแคลน ไม่เพียงพอต่อประชาชน โดยเฉพาะในโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชนที่ทำงานใกล้ชิดกับผู้ป่วย ทำให้ล่าสุดเกิดความสับสนขึ้นว่า จริงๆ แล้ว เราจำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือไม่
Workpoint Today ได้สรุปสาระสำคัญที่ควรรู้เอาไว้ดังนี้
1) 29 ก.พ. 2020 เว็บไซต์ Forbes เผยแพร่บทความา ศาสตราจารย์อีไล เปเรนเซวิช ผู้เชี่ยวชาญด้านแพทย์และการระบาดวิทยา จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย ไอโอวา สหรัฐอเมริกา ออกมาบอกว่า “ไม่อยากให้ประชาชนใส่หน้ากากอนามัย หากไม่จำเป็น”
2) ศาสตราจารย์เปเรนเซวิช ให้เหตุผลว่า คนที่สุขภาพดีไม่ควรซื้อหรือใส่หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันไวรัสเพราะยังไม่มีอะไรพิสูจน์ว่าการใส่หน้ากากป้องกันการติดเชื้อได้ ยิ่งหากใส่ผิดวิธีก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยง เพราะมือจะสัมผัสใบหน้าบ่อยขึ้น
3) การใส่หน้ากาก ควรจำกัดเฉพาะคนที่มีอาการป่วยเท่านั้น เนื่องจากหน้ากากอนามัยออกแบบมาป้องกันน้ำลายออกมาจากผู้ใส่ ไม่ได้ป้องกันน้ำลายเข้าสู่ผู้ใส่ และหากก่อนและหลังใส่เราไม่ล้างมือ หรือทิ้งไม่ถูกวิธีก็จะเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ
4) ยิ่งไปกว่านั้น ศาสตราจารย์เปเรนเซวิช ยังมองว่า การใส่หน้ากากเพิ่มความหวาดกลัวให้กับผู้คน การซื้อหน้ากากในช่วงที่ขาดแคลนยังส่งผลกระทบต่อโรงพยาบาลด้วย พร้อมแนะนำวิธีป้องกันว่า ล้างมือก่อน-หลังกินอาหาร อย่านำมือมาจับหน้าและจมูก การป้องกันตัวเอง ด้วยการอยู่ห่างจากผู้มีอาการไอ จาม อย่างน้อย 3 ฟุต ระยะที่ละอองสารคัดหลังสามารถแพร่กระจายได้
5) ศาสตราจารย์ เจโรมี อดัมส์ แพทย์ศัลยกรรมสหรัฐอเมริกา ก็ออกมาระบุ เช่นเดียวกันว่า ขอให้คนหยุดซื้อหน้ากาก เพราะนอกจากจะไม่ให้ผลดีแล้ว ยังทำให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขขาดแคลนหน้ากากเวลาที่ต้องใช้กับผู้ป่วยจริงๆด้วย
6) ศาสตราจารย์คาเรน เฟลมมิ่ง Karen Fleming ผู้เชี่ยวชาญด้านชีวฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์สหรัฐอเมริกา บอกว่า วิธีการป้องกันตัวเองจากเชื้อโควิด-19 ที่ดีที่สุด คือการล้างมือด้วยน้ำเปล่าและสบู่ เพราะโควิด-19 เป็นไวรัสที่มีเปลือกเป็นสารอินทรีย์ประเภทไขมัน สามารถถูกทำลายด้วยน้ำสบู่
7) ความเห็นจากหมอในไทยเกี่ยวกับ เรื่องนี้ ล่าสุด นพ.คณวัฒร์ จันทรลาวัณย์ หรือ หมอเอ้กโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กของตัวเองว่า “จะทำเพื่อความถูกใจของกระแส หรือ ทำเพื่อความถูกต้องต่อสังคม ก็ลองพิจารณาตรองดูครับ ในขณะที่รพ. หน่วยงานทางสาธารณสุขต่าง ๆ กำลังจะขาดแคลน และประเทศเรากำลังดำเนินเข้าสู่ระยะที่ 3 ของการระบาด นโยบายต่อจากนี้เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญครับ เนื่องจากจะกระทบกับกำลังพล ทหารมดงานหน้างานทุกคนครับ (บุคลากรเรามีความสามารถมาก ๆ ครับ ยื้อและประคองสถานการณ์มาได้ถึงเพียงนี้ ก็ถือว่าสุดยอดที่สุดแล้วครับ) เราจะสร้าง culture ที่จะร่วมฝ่าฟันวิกฤตนี้ไปด้วยกันหรือไม่ ก็อยู่ที่พวกเราทุกคนครับ”
8) โดยหมอเอ้ก อ้างอิงคำแนะนำในการป้องกันตัวจากโควิด-19 จากองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ให้ความเห็นว่า การใส่หน้ากากอนามัยโดยไม่จำเป็น ทำให้สิ้นเปลืองโดยใช้เหตุ และเป็นภาระในการจัดหา ที่สำคัญการสวมหน้ากาก อาจทำให้คนเกิดความรู้สึกว่าสามารถป้องกันเชื้อไวรัสได้แล้ว จนหลงลืมที่จะป้องกันความเสี่ยงอื่น
9) WHO ยืนยันว่าการใส่หน้ากากไม่ช่วยอะไร ถ้ายังเอามือสัมผัสใบหน้าอยู่ และแนะนำว่าให้ใส่หน้ากากเมื่อมีอาการไอ จาม สงสัยว่าติดเชื้อ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อและไปพบแพทย์ และปัจจุบันการติดต่อมาจากการไอ จาม เป็นหลัก ยังไม่มีการยืนยันชัดเจนว่ามีเชื้อทางอากาศ แล้วใส่หน้ากากจะช่วยป้องกันได้
10) ขณะที่คำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าควรใส่หรือไม่ควรใส่ โดยระบุเพียงว่า “ให้หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอด้วยน้ำ และสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลล้างมือ ไม่นำมือมาสัมผัสตา จมูก ปาก โดยไม่จำเป็น ขณะที่เรื่องการสวมหน้ากากอนามัยนั้นควรใช้เมื่ออยู่ในสถานที่ที่มีคนอยู่รวมกันจำนวนมาก และสำหรับผู้ป่วยและผู้ที่มีอาการ ไอ จาม ควรใช้หน้ากากอนามัยทางการแพทย์เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ”