การทานอาหารแบบคีโตเจนิค

ช่วงนี้กระแส “คีโต” หรือ “คีโตเจนิคไดเอท (Ketogenic Diet)” กำลังมาแรงมาก  ซึ่งการกินคีโตนั้นเป็นหนึ่งในวิธีไดเอทเพื่อลดน้ำหนักรูปแบบใหม่ เป็นการปรับเปลี่ยนให้ร่างกายเน้นใช้ไขมันเป็นพลังงานหลัก แต่ฟังแล้วบางคนอาจจะรู้สึกแปลกๆ เพราะมันช่างขัดแย้งกับที่เคยเรียนรู้มาตั้งแต่ประถม เพราะเราจำได้ว่าเราต้องทานข้าวเป็นอาหารหลักนินา ในแต่ละมื้อต้องมีข้าว อีกทั้งใครๆก็บอกให้งดไขมัน เพราะมันไม่ดี ไขมัน=อ้วน พอได้ยินแบบนี้.. เราก็แทบจะไม่อยากทานอะไรที่ประกอบด้วยไขมันแล้ว จริงมั้ยคะ?

 

แต่วันนี้..ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป ยิ่งกินไขมัน ยิ่งผอม (หืมมม.. แบบนี้ก็ได้หรอ) ใครที่กำลังอยากกำจัดไขมัน อยากลดความอ้วนอาจจะตาโต หูผึ่งพอได้ยินแบบนี้ อย่างไรก็ตามเราจำเป็นต้องมาทำความรู้จักกับ Keto Diet กันก่อน เพื่อที่ว่าเราจะได้ลดความอ้วนหรือน้ำหนักด้วยคีโตอย่างถูกต้อง ปลอดภัยและได้ผล โดยที่การไดเอทรูปแบบใหม่ที่เรียกว่าคีโตนี้ ไม่ส่งผลกระทบหรือส่งผลข้างเคียงใด ๆ กับร่างกายและสุขภาพเราค่ะ หลักๆเลยการทานคีโตเพื่อลดความอ้วน เราจะลดการทานคาร์บ หรือ คาร์โบไฮเดรต แต่ทดแทนด้วยไขมัน หลายคนอาจจะร้องอ้าวในใจเลย… เห้ยย แล้วมันจะไม่ยิ่งอ้วนขึ้นเหรอ? เชื่อว่าหลายคนต้องมีคำถามนี้อยู่ในใจแน่นอนค่ะ แต่รู้หรือไม่ว่า การทานคีโตอย่างถูกต้องนั้นจะไม่ทำให้เราอ้วนขึ้นอย่างแน่นอน ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคนด้วย เช่น มีโรคประจำตัวรึเปล่า เพราะร่างกายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้นผลลัพธ์ที่ได้ในก็อาจจะแตกต่างกันออกไปเช่นกันค่ะ Keto Diet ใช่ว่าจะได้ผลลัพธ์เต็มที่กับทุกคน เราควรจะรู้ว่าร่างกายเราชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ทนต่อสิ่งไหนไหวบ้าง อย่างใครที่ติดคาร์บมากๆเนี่ย ก็อาจจะต้องคิดแล้วว่าการทานคีโตอาจจะไม่เหมาะกับเรา

 

เกริ่นกันมายืดยาวขนาดนี้ก็คงจะรู้แล้วว่าในบทความนี้เราจะมาเรียนรู้วิธีการทานคีโตอย่างถูกต้องกัน เพื่อที่ว่าเราจะได้เข้าใจวิธีการทำงานของมัน แล้วเปิดใจลองเรียนรู้ถึงวิธีไดเอทรูปแบบใหม่นี้ซึ่งเป็นที่นิยมมากทั้งทางยุโรปและอเมริกามามากกว่า 10 ปี

คีโตเจนิคไดเอท (Ketogenic Diet) คืออะไร?

 

คีโตก็คือรูปแบบการทานอาหารที่เน้นไขมันเป็นหลัก เพื่อให้ร่างกายใช้ไขมันเป็นพลังงานหลักแทนคาร์โบไฮเดรตหรือกลูโคส โดยเพื่อให้ร่างกายเกิดการเผาผลาญไขมันได้อย่างต่อเนื่อง วิธีนี้จึงสามารถช่วยลดน้ำหนักได้จริง โดยที่เราไม่ต้องใช้วิธีที่เสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพอย่างเช่นการอดข้าวอดน้ำ จนอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ หรือใช้ยาลดความอ้วน เพราะทานคีโตได้ทั้งสุขภาพดีแถมยังลดน้ำหนักได้อีกด้วย ฟังแล้วไม่ยากเลยใช่มั้ยคะ?เนื่องจากอาหารแบบคีโตไม่ได้เป็นอันตรายต่อสุขภาพ มิหนำซ้ำทางการแพทย์ยังแนะนำให้คนทั่วไปหันมาทานคีโต เพราะมันแทบจะไม่มีผลเสียต่อร่างกายเลย แพทย์จะแนะนำอาหารคีโตโดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีน้ำหนักเกินและเสี่ยงเป็นโรคอ้วน กลุ่มคนที่มีค่าไขมันสูง มีไขมันสะสมมาก เพราะเหตุนี้คีโตจึงเหมาะกับคนที่กำลังมองหาวิธีลดความอ้วนที่ไม่ต้องอด หรือทนทานอาหารที่ไม่ชอบอีกต่อไป (ยกเว้นว่าคุณว่าจะชอบทานคาร์บ) และแน่นอนว่ามีหลายคนลองแล้วได้ผล น้ำหนักตัวลดลงมาหลายกิโลภายในเวลาไม่นาน ได้ยินแบบนั้นก็ไม่แปลกเลยที่จะร้องว๊าว! ด้วยความสนใจ ว่ามันทำได้ยังไง ดังนั้น..ก็เลยมีคนสนใจเรียนรู้และลองทานคีโตกันมากขึ้นจนกลายเป็นกระแสเทรนด์ใหม่ในเวลาต่อมา

 

การทานอาหารแบบคีโตก็แทบจะไม่ได้แตกต่างจากเวลาที่เราทานอาหารธรรมดาเท่าไรนัก เพียงแต่ตัดคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลออกไป และเพิ่มไขมันเข้ามาแทน เพื่อให้ร่างกายดึงพลังงานจากไขมันมาใช้ ส่วนสารอาหารประเภทอื่น ๆ อย่างพวกวิตามิน เกลือแร่ โปรตีน ก็ยังคงทานได้ปกติ แต่ถ้าเราทานคาร์โบไฮเดรตพร้อมกับไขมันและสารอาหารอื่น ๆ เหมือนที่เคยทำมา ร่างกายเราก็จะดึงคาร์โบไฮเดรตมาเป็นพลังงานก่อน จนแทบไม่ได้ใช้พลังงานจากไขมันเลย! ดังนั้นจึงมีไขมันเหลือตกค้างอยู่มาก และไม่ต้องสงสัยเลยว่าไขมันเหล่านั้นจะไปอยู่ที่ไหน ถ้าไม่ใช่สะสมอยู่ตามตัวเรานี่เอง หรือที่เราเรียกว่า “ไขมันส่วนเกิน” นั่นแหละ แถมเจ้าไขมันส่วนเกินตัวร้าย ยังไม่ยอมออกจากร่างกายเราง่ายๆ อีกด้วย บางคนพยายามแทบทุกวิธียังไม่ได้ผล อย่างไรก็ตาม ถึงแม้การทานคีโตจะเน้นการใช้พลังงานจากไขมัน ก็ใช่ว่าจะโหมทานไขมันอย่างหนักหน่วงได้นะโดยเฉพาะไขมันทรานส์ พวกฟาสต์ฟู้ดต่างๆ เพราะถ้าร่างกายดึงไขมันออกมาใช้ไม่หมด เพราะไม่ได้ออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย ก็จะเหลือไขมันสะสมเอาไว้ให้เราเจ็บใจเล่นอีกเหมือนเดิม ดังนั้นถ้าเราสามารถทานคีโตอย่างถูกต้องได้ ร่างกายเราก็จะสามารถดึงไขมันมาใช้ได้อย่างดีเยี่ยม แถมยังดึงไขมันสะสมในร่างกายมาใช้ประโยชน์ได้อีกด้วย  แต่สำคัญ…อย่าลืมว่าต้องทานไขมันให้พอเหมาะกับการใช้พลังงานของเราด้วยนะ การทานคีโตที่ถูกต้องนั้นเราจะเน้นการทานน้ำมันดี ไม่ผ่านกระบวนการผลิตที่ใช้สารประกอบมากมาย น้ำมันที่ไม่ผ่านความร้อนสูง ทานทั้งไขมันจากพืชและสัตว์เพื่อให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะการใช้ไขมันเป็นพลังงานหลัก

 

โดยทั่วไป คนเราจะมีค่าเฉลี่ยการใช้พลังงานของคนเราอยู่ที่ 2,000แคลอรี่ ต่อวัน ดังนั้นหากเราตัดคาร์โบไฮเดรตออกไป เราจะต้องทานอาหารประเภทไขมันและโปรตีนให้ได้ 2,000 แคลอรี่ เท่าเดิม จะมีส่วนน้อยที่ต้องใช้พลังงานมากกว่านี้ ยกเว้นว่าต้องทำงานหรือทำกิจกรรมที่ใช้แรงมากกว่าปกติ หรือบางคนก็อาจจะใช้พลังงานไม่ถึง 2000 แคลอรี่ ต่อวัน ถ้าในแต่ละวันแทบจะไม่ได้ทำกิจกรรมใด หรือ แทบจะไม่ขยับตัวเลย เปรียบเทียบง่ายๆ เช่นเวลาเราทานอาหารที่ให้โปรตีน โปรตีน 1 กรัม ให้พลังงานประมาณ 4 แคลอรี่ ถ้าหากเราทาน 500 กรัมก็จะให้พลังงานถึง 2,000 แคลอรี่ จะเห็นได้ว่าพอดีกับพลังงานทั้งวันที่เราใช้ ดังนั้นเราก็ต้องลดปริมาณลงมาเพื่อเพิ่มพื้นที่ให้สารอาหารประเภทอื่นด้วย ส่วนไขมันนั้นจะให้พลังงาน 1 กรัมเท่ากับ 9 แคลอรี่ ถ้าหากเราทานไขมัน 150 กรัมเราจะได้พลังงานจากไขมันถึง1,350 แคลอรี่เลยทีเดียว อยากรู้ค่าพลังงานต่อวันที่ใช้ คลิก

 

ในช่วงแรกของการทานคีโตนั้นร่างกายอาจต้องใช้เวลาปรับสภาพอยู่หลายวัน – สัปดาห์ ซึ่งร่างกายไม่สามารถปรับได้ทันที จึงต้องให้เวลาเล็กน้อย ยิ่งเราใช้กลูโคสเป็นพลังงานหลักมาทั้งชีวิต ปกติแล้วร่างกายจะใช้กลูโคสเป็นพลังงานหลักก่อน จนกระทั่งเมื่อไม่มีกลูโคสหลงเหลือในร่างกายแล้ว ถึงจะดึงไขมันมาใช้เป็นพลังงานหลัก เมื่อเริ่มทานคีโตในช่วงแรกอาจจะทำให้เราอ่อนเพลีย เหมือนไม่ค่อยมีแรง มีอาการหน้ามืด เวียนหัว ไม่ต้องตกใจไปค่ะ…เพราะร่างกายกำลังปรับสภาพอยู่นั่นเอง เหมือนกับว่าพยายามจะดึงพลังงานจากคาร์โบไฮเดรตออกมาใช้แต่ไม่มีให้ดึงนั่นเอง และเมื่อเป็นแบบนั้นติดต่อกันหลายวันร่างกายก็จะเริ่มดึงไขมันมาเป็นพลังงานแทน หากเราทานคีโตต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ร่างกายก็จะใช้พลังงานจากไขมันอย่างต่อเนื่องเต็มที่จนกลายเป็นความปกติไป