อันตรายจากเห็บกัด

กรมการแพทย์ โดยสถาบันโรคผิวหนัง  เตือนเห็บกัดคนเป็นอันตราย  ส่วนใหญ่เห็บอาศัยอยู่กับสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัขหรือแมว ซึ่งใกล้ชิดกับคน คนจึงมีโอกาสถูกเห็บกัด และเห็บยังเป็นพาหะนำโรคติดเชื้ออีกหลายชนิดด้วย  พร้อมแนะวิธีป้องกันและปฏิบัติตนให้ถูกวิธี

นายแพทย์สมศักดิ์  อรรฆศิลป์  อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า จากกรณีการเสนอข่าวเด็กหญิงชั้นประถมปีที่ 2 ในจังหวัดสระบุรี พบเห็บทั้งตัวเล็กและตัวใหญ่จำนวนมากอัดแน่นภายในรูหูของเด็ก และเกาะดูดเลือดที่หนังศีรษะและภายในรูหู ทำให้เด็กมีอาการปวด คัน ในเบื้องต้นทางโรงเรียนได้นำเด็กส่งให้แพทย์นำเห็บภายในหูออกแล้ว  จากข้อมูลดังกล่าวพบว่า เห็บมักอาศัยอยู่บริเวณต้นหญ้าสูงๆ หรือเกาะอยู่กับสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัขหรือแมว ผู้ที่ถูกเห็บกัดมักไม่มีอาการเจ็บ เนื่องจากในน้ำลายของเห็บประกอบด้วยสารที่ทำให้เกิดอาการชาเฉพาะที่  ทำให้ผู้ป่วยไม่รู้ตัวว่าถูกกัด ผิวหนังบริเวณที่ถูกกัดพบเป็นตุ่มนูนบวมแดง ในบางรายที่เกิดอาการแพ้อาจพบว่ามีไข้ หรือ ผื่นคันชนิดลมพิษ

แพทย์หญิงมิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์  กล่าวเพิ่มเติมว่า การรักษาทำได้โดยคีบเอาเห็บออก โดยใช้แหนบคีบที่ส่วนหัวของเห็บแล้วค่อยดึงขึ้นตรงๆอย่างนุ่มนวล แต่ต้องระวังอย่าคีบบริเวณลำตัวหรือท้องของเห็บ และไม่บิดคีมขณะที่กำลังคีบเพราะจะทำให้ส่วนปากของเห็บยังคงค้างอยู่ในผิวหนัง ทำให้เกิดเป็นปฏิกิริยาเฉพาะที่แบบเรื้อรังตามมาได้  หลังจากเอาตัวเห็บออกไปได้แล้ว สามารถรักษาอาการผิวหนังบวมแดงได้ด้วยยาทาลดการอักเสบ ในบางรายที่บวมแดงมากแพทย์อาจพิจารณาใช้การฉีดยาใต้ผิวหนังเพื่อลดอาการ

ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง ให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่า โดยทั่วไปแล้วอาการที่เกิดจากเห็บกัดมักเป็นเพียงอาการเฉพาะที่ แต่มีผู้ป่วยส่วนน้อยที่เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงหลังถูกเห็บบางชนิดกัด คือ การเกิดอัมพาตจากการถูกเห็บกัด เริ่มแรกผู้ป่วยจะมีอาการปวดหัว ปวดเมื่อยตามตัว จากนั้นในระยะเวลาไม่นานจะเกิดเป็นอัมพาต ซึ่งภาวะนี้อาจนำไปสู่ภาวะระบบหายใจล้มเหลวที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ อาการเป็นอัมพาตจากการถูกเห็บกัดนี้ มักเกิดภายในระยะเวลา 4-6 วันหลังโดนกัด อย่างไรก็ดีภาวะนี้จะดีขึ้นได้อย่างรวดเร็วเมื่อคีบเอาเห็บออกจากผิวหนังของผู้ป่วย